แซนวิชหมูหยอง แซนวิชทูน่า
แซนวิชหมูหยอง แซนวิชทูน่า
แซนวิชหมูหยอง แซนวิชทูน่า
อิ่มอร่อย ไม่เลอะมือ หลาย ๆ ท่านคิดว่าเป็นอาหารประเภทอะไรคะ ? ลองเดากันดูนะคะ ติ๊กต๊อก ๆ ๆ ในชีวิตประจำวันของผู้คนในยุคสมัยนี้ ต่างมีความเร่งรีบกันมาก ตั้งแต่วัยเด็กจนไปถึงวัยผู้ใหญ่ ทั้งไปโรงเรียน ไปทำงาน ก็กลัวจะไปไม่ทัน แต่ต่อให้รีบแค่ไหนสิ่งที่สำคัญก็คือ อาหารมื้อเช้า เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก ทั้งนี้มื้อเช้าจะต้องคำนึงถึงอาหารที่ดี มีประโยชน์และสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่อีกด้วย นั้นก็คือ “แซนวิช” นั่นเอง
“แซนวิช” เป็นอาหารประเภทหนึ่งที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย แซนวิชสามารถเข้าถึงคนได้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยจริง นิยมรับประทานเป็นอาหารหลักตอนเช้า อาหารว่างระหว่างวัน หรือจะออกไปเที่ยวลุย ๆ สายปิกนิค ก็รับประทานง่าย พกพาสะดวก และได้สารอาหารครบถ้วน
แซนวิชเป็นที่นิยมรับประทานกันในมื้อไหน
จากข้างต้นหลาย ๆ คนก็น่าจะพอทราบกันแล้วว่าส่วนใหญ่จะรับประทานในมื้อเช้า เนื่องจากเป็นเมนูที่ทำง่าย พกพาสะดวก อิ่ม อร่อย เต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหาร สำหรับคนชอบแซนวิชไม่มีทางเบื่อง่าย ๆ แน่นอน เพราะมีหลากหลายไส้ วัตถุดิบที่ให้เลือกสรรลงในขนมปังแสนอร่อยของเราในแต่ละเช้า ไม่ว่าจะเป็นแซนวิชหมูหยอง แซนวิชทูน่า แซนวิชไส้กรอก แซนวิชปูอัด และอีกมากมาย แล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการทำแซนวิช คือ มายองเนสสีเหลืองชวนน่ากินที่ต้องทานคู่กับอะไรก็อร่อย แค่นึกถึงก็หิวแล้ว
แซนวิชเป็นที่นิยมรับประทานกันในประเทศอะไรมากที่สุด
หากพูดถึงเรื่องการรับประทานแซนวิชนิยมในประเทศอะไรมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเมืองผู้ดี หรือ ประเทศอังกฤษนั้นเอง แรกเริ่มเป็นผู้คิดค้นอาหารชนิดนี้และชื่อของอาหารชนิดนี้ขึ้นมา เป็นขนมปังที่ประกบหรือสอดไส้เนื้อสัตว์ และผักตามชอบ ปิดท้ายด้วยการอุ่นขนมปังเพิ่มความกรอบ ความหอม หรือบางครั้งก็ไม่อุ่นขนมปังเพื่อสัมผัสกับความนุ่มแทน รับประทานพร้อมกับซอสต่าง ๆ มายองเนส หรือชีสตามความชอบ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปยังปัจจุบัน ทำให้เห็นได้ว่ามีหลายประเทศที่รับประทานแซนวิชกันเป็นจำนวนมากเพิ่มขึ้นและนิยมไปทั่วโลก
แซนวิชในยุคสมัยก่อน ที่จริงแล้วการรับประทานแซนวิช คือ แผ่นแป้ง 2 แผ่นที่ถูกคั่นกลางด้วยไส้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์นั้นเอง
ส่วนในยุโรป ยุคกลางนั้นชาวยุโรปมักจะกินอาหารโดยมีขนมปังแบบราบ (Trencher) เพื่อเป็น “จาน” ในการรับประทานอาหาร หลังจากที่กินอาหารที่อยู่บนจานขนมปังเสร็จแล้ว ปกติคนทั่วไปมักจะรับประทานกับซอสเท่านั้น แต่พวกชนชั้นสูงจะบริจาคให้ชนชั้นล่างนำไปกินต่อ แต่ก็เป็นธรรมเนียมของการกินอาหารที่เป็นลักษณะแบบแซนวิช แต่กระนั้นก็ยังไม่ใช่แซนวิชที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
แซนวิชที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน สามารถย้อนกลับไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ที่เนเธอร์แลนด์ ช่วงนั้นจำพวกร้านค้าจะขายอาหารที่มีขนมปังสองชิ้น รับประทานกับเนื้อสัตว์ที่ถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ และเนย แต่ยังไม่เหมือนทั่วไปในทุกวันนี้ที่ขนมปังถูกคั่นกลางด้วยเนื้อสัตว์กลายเป็นแซนวิช แต่ก่อนนี้อาหารชนิดนี้เป็นอาหารสำหรับชายที่ชอบดื่มในเวลากลางคืน หรือสร้างสรรค์ ต่อมาไม่นานอาหารชนาดนี้ก็เริ่มมาฮิตในหมูชนชั้นสูง เนื่องจากชอบรับประทานอาหารว่างในช่วงกลางคืน
แล้วทำไมอาหารชนิดนี้ถึงเรียกว่า “แซนวิช” กันแน่ ?
จอห์น มอนตากู (John Montagu) ผู้ดำรงตำแหน่งเป็น เอิร์ลคนที่ 4 แห่งแซนวิช ติดการพนันอย่างงอมแงม เขาไม่มีเวลาจะรับประทานอาหาร การรับประทานอาหารแบบชาวตะวันตกจะใช้ระยะเวลายาวนานมาก และจะทำให้เสียเวลาในการเล่นการพนันของเขา ท่านเอิร์ลจึงสั่งให้คนรับใช้ของเขาทำอาหารแบบพิเศษ นั่นก็คือขนมปังสองแผ่นที่คั่นกลางด้วยเนื้อเค็ม นำมากินระหว่างเล่นการพนัน อาหารแบบนี้ทำให้เขาไม่ต้องใช้ส้อม รวมไปถึงสามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้โดยที่มือเขาไม่สกปรก พวกนักพนันเห็นไอเดียท่านเอิร์ลก็รู้สึกเข้าท่า พวกเขาจึงเอาอย่างบ้าง อาหารดังกล่าวเลยป็นที่นิยัมอย่างรวดเร็วในหมู่นันพนัน เหล่าชนชั้นสูงที่เป็นนักพนัน จึงสั่งคนใช้ว่า “เอาแบบแซนวิช” ทำให้แซนวิช กลายเป็นชื่ออาหารชนิดนี้ไปในที่สุด กระแสความนิยมในอาหารของท่านเอิร์ลได้แพร่หลายไปในหมู่ชนชั้นสูงของอังกฤษ
กลับหน้าบทความ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น